การให้ความรู้เรื่องการแก้ไขปัญหา หากเกิดอุบัติเหตุบนถนน โดย คุณอายุธ นุชเทียน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 ณ ห้องประชุมกองอาคารสถานที่
คุณอายุธ ได้ถ่ายทอดเรื่อง การเพิ่มสมรรถนะทักษะให้แก่พนักงานขับรถยนต์ เพื่อสร้างเสริมบุคคลากรให้มีความรู้ ความเชื่อมั่นในการขับขี่ยานพาหนะ เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ลดความสูญเสียด้านงบประมาณในการซ่อมบำรุงยานพาหนะ
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. กฎหมายกับการประกันภัย
1.1 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ยานพาหนะ และการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มีดังนี้
- พ.ร.บ.จราจรทางบก : เป็นกฎหมายว่าด้วยการใช้รถใช้ถนนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันการเกิดเหตุ หรือความเสียหายที่อาจะมีขึ้น
- พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ : เป็นกฏหมายว่าด้วยการให้ความคุ้มครองต่อผู้ประสบภัยอันเกิดจากการใช้รถเพื่อบรรเทาผลร้าย หรือ ค่าเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย
1.2 ประเภทของการประกันภัยรถยนต์ แบ่งเป็น
- ภาคบังคับ : กฎหมายบังคับให้ต้องทำ พ.ร.บ. โดยคุ้มครองเฉพาะการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตโดยกำหนดวงเงินชัดเจน
- ภาคสมัครใจ : เจ้าของรถสมัครใจทำประกันภัย โดยคุ้มครองทรัพย์สิน การบาดเจ็บ และการเสียชีวิต โดยวงเงินขึ้นกับความพอใจของทั้งสองฝ่าย
2. ความรู้เรื่องกฎจราจร เครื่องหมายจราจร และอุบัติเหตุบนท้องถนน
2.1 กฎจราจรที่เกี่ยวกับผู้ขับรถ เป็นกฎที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับรถ เพื่อความปลอดภัยในท้องถนน เช่น ห้ามมิให้ขับรถขณะเมาสุรา ห้ามขับรถด้วยความประมาท ห้ามขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นต้น
2.2 เครื่องหมายจราจร อันประกอบด้วย แผ่นป้ายชนิดต่าง ๆ ได้แก่
- ป้ายบังคับ คือ ป้ายห้ามหรือจำกัดให้ผู้ขับรถปฏิบัติตาม เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว เป็นต้น
- ป้ายเตือน คือ ป้ายให้ผู้ขับรถระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น ป้ายทางข้ามรถไฟ เป็นต้น
-ป้ายแนะนำ คือ ป้ายช่วยแนะนำให้ผู้ขับรถไปสู่จุดหมายปลายทางได้สะดวก รวดเร็ว เช่น ป้ายทางออก เป็นต้น
กฎหมาย การประกันภัย กฎจราจร และอุบัติเหตุบนท้องถนน มีความสัมพันธ์กัน โดยหลักการว่า การใช้รถ-ใช้ถนน ต้องเป็นไปตามกฎจราจร ดังนั้นผู้ใดฝ่าฝืนย่อมถือว่าเป็นความผิดและเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้จากผลสรุปตามพระราชบัญญัติจราจรกล่าวว่า ฝ่ายใดผิดต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันไว้เป็นผู้รับผิดชอบแทนตามวงเงินที่กำหนดไว้ (ความรับผิดในทางแพ่ง) ดังนั้นผู้ขับขี่ยานพาหนะควรศึกษากฎจราจร และการประกันภัย เพื่อสามารถใช้รถ-ใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย และสามารถทราบสิทธิประโยชน์จากการประกันภัยได้อย่างคุ้มค่า
3. การให้ความรู้การแก้ไขปัญหาหากเกิดอุบัติเหตุบนถนน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา หากประมาท ผู้ขับขี่ต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับ
1. เรื่องรถ
2. เรื่องเส้นทาง
3. เรื่องวิธีการขับขี่รถ
4. เรื่องกฎจราจร
5. เรื่องมารยาทในการขับรถ
การป้องกันอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ
เบรกแตก อย่าตกใจ วิธีแก้ใช้เกียร์ต่ำในทันที หากจวนตัวมากอาจเปลี่ยนจากเกียร์ 4 มาเป็นเกียร์ 2 เลยก็ได้ ดึงเบรกมือช่วย พร้อมกับประคองพวงมาลัยรถให้อยู่ในบังคับเพื่อหลบหลีกรถอื่นๆ
ยางแตกหรือระเบิด ต้องรีบเบารถทันที โดยเปลี่ยนเกียร์ลดลงเรื่อยๆ เพื่อให้เครื่องชะลอรถให้ช้าลง ในขณะที่รถยังมีความเร็วสูงอยู่อย่าเหยียบเบรก ต่อเมื่อรถช้าลงมากแล้วค่อยเหยียบเบรกโดยแตะเบาๆ แล้วแอบเข้าข้างทางเพื่อทำการเปลี่ยนยางใหม่
ขับรถขณะฝนตกหรือถนนลื่น ควรชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงกว่าปกติ และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น (จากปกติ 50 เมตร) เมื่อจะหยุดรถให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำเพื่อช่วยชะลอรถอย่าเบรกโดยกะทันหันหรือหักพวงมาลัยรถอย่างฉับพลันเพราะอาจทำให้รถปัด หรือหมุนได้
การขับรถขึ้น-ลงเขา หรือเนินสูง ต้องใช้เกียร์ต่ำแต่เครื่องยนต์จะทำงานหนัก ถ้าเครื่องดับและรถหยุดไหลจากเขา ต้องเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือช่วย ถ้าเป็นรถหนัก หรือ รถบัสต้องใช้ไม้หนาๆ หนุนล้อทั้ง 4 ล้อไว้เพื่อป้องกันรถไหล
การขับรถลงเขา, ลงเนินสูง และลงสะพานสูงๆ ความเร็วของรถจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าปกติ อาจเกิดอันตรายได้ง่าย ฉะนั้นการขับรถลงจากเขาหรือเนินสูงๆ หรือลงสะพานสูงๆ ต้องลดเกียร์มาใช้เกียร์ต่ำ หากเครื่องยนต์ดับ ให้เหยียบเบรกให้รถหยุด และดึงเบรกมือหรือใช้ไม้ รองล้อทั้ง 4 ล้อไว้เพื่อป้องกันรถไหล
ห้ามแซงในขณะที่กำลังรถ ขึ้น-ลงเขา หรือที่สูง เพราะจะมองไม่เห็นรถที่สวนมา
รถเสีย ให้นำรถจอดแอบข้างทาง หรือเข็นไปจอดในที่ที่มีแสงสว่างให้รถผ่านไปมาเห็นได้ชัด และจะต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟเหลืองกระพริบเตือนให้รถอื่นเห็น