การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
วัน Tuesday 01 Jul 14@ 19:18:59 ICT
หัวข้อ: การจัดการความรู้


การให้ความรู้จาก การเข้าร่วมอบรมโครงการป้องกันและแก้ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมของนักเรียนนักศึกษา จัดโดยคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ วันที่ 31 กรกฎาคม 2556

รวบร่วมโดย  รุ่งนภา  คันธนู

การทบทวนองค์ความรู้ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

ปัจจุบันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีอัตรามากถึงร้อยละ 16 /ปี /การคลอดทั้งหมด และมีวัยรุ่นคลอดประมาณ 336 คน/วัน (ข้อมูลปี 2552) อายุของวัยรุ่นก็น้อยลงทุกที คืออยู่ระหว่าง 15-17 ปี สาเหตุที่เกิดการตั้งครรภ์ ก็ล้วนมาจากพฤติกรรมและเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยง หรือถูกข่มขืน วัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อมมักเป็นการตั้งครรภ์นอกสมรส จึงเกิดการปกปิดปัญหา ไม่อยากฝากครรภ์ ไม่บำรุงครรภ์เพราะกลัวจะเห็นได้ชัดเจน หรืออาจเลยไปจนถึงการทำแท้ง และอันตรายถึงชีวิตจากการทำแท้งเถื่อน หรือถ้าคลอดแม่ก็ยังไม่มีวุฒิภาวะที่จะดูแลบุตรได้ ทำให้เกิดปัญหาและผลกระทบตามมาอีกมากมายซับซ้อนทั้งต่อครอบครัวและสังคมต่อไปในอนาคต

การที่เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้นมีสาเหตุมาจาก

 

          1.เด็กไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ โดยเฉพาะไม่ได้รับการฝึกฝนให้ดูแลตนเองเกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธุ์ เช่น การรักษาความสะอาดร่างกาย อวัยวะเพศการปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับการทำงานของฮอร์โมนเพศ เช่น เข้าใจการเกิดอารมณ์เพศ ว่ามีที่มาอย่างไร ปัจจัยใดบ้างที่สามารถกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศและการไต่ระดับของอารมณ์เพศของหญิงและชายว่าแตกต่างกันอย่างไร ทั้งนี้ จะทำให้เด็กสามารถป้องกันตนเอง ไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศ จนไม่สามารถควบคุมตนเองในเรื่องเพศได้ เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าการสอนเด็กเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย

 

          2.เด็กไม่มีความรักผูกพันกับพ่อแม่ ขาดความรู้สึกผูกพันเข้าถึงอารมณ์จิตใจ ซึ่งกันและกัน เด็กจึงไม่มีความสุขขณะอยู่ที่บ้าน รวมทั้งพ่อแม่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีเมื่อลูกอยู่บ้าน ขัดแย้งซึ่งกันและกันเป็นปกติวิสัย จนไม่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจอารมณ์จิตใจของกันและกัน

 

          3.เด็กไม่รู้เท่าทันอารมณ์เพศของตนเอง ไม่ตระหนักถึงภัยทางเพศ เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศ ทั้งนี้ เพราะเด็กขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องปัจจัยที่สามารถเร้าอารมณ์เพศ ว่าเป็นอย่างไร ทำให้เด็กตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศโดยไม่รู้เท่าทัน ทั้งนี้เด็กวัยรุ่นมักเกิดอารมณ์เพศได้ง่าย เพียงแต่คิดถึงเรื่องเพศ เพราะฮอร์โมนเพศในกระแสโลหิตของวัยรุ่นมีความเข้มข้นมากกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้นการสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ หรือส่งเสริมให้เด็กพกถุงยางอนามัยหรือกินยาคุมกำเนิด จึงเท่ากับกระตุ้นให้เด็กหมกมุ่นเรื่องเพศโดยตรง ดังนั้นการแก้ไขป้องกันปัญหาในเรื่องนี้ จึงต้องเพิ่มโอกาสให้เด็กได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาตนด้านต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมอาสาสมัครบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อให้เด็กสนใจความเป็นตายร้ายดีของคนอื่นรู้จักคิด เพื่อช่วยเหลือคนอื่นมากกว่าคิดถึงตนเองหรือหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตน

 

          4.เด็กไม่รู้จักวางตนหรือไม่สามารถกำหนดขอบเขตในการมีปฏิสัมพันธ์ ทางสังคมกับเพศตรงข้ามให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ไม่สามารถวางตนให้แตกต่างในการคบเพื่อนต่างเพศและคบในฐานะคนรัก ทั้งนี้เพราะผู้ปกครองมักจะห่างเหินจากลูกวัยรุ่นและไม่ได้ พาลูกเข้าสังคมร่วมกับตน เช่น ไปเยี่ยมญาติหรือครอบครัวเพื่อนๆ ไปร่วมปฏิบัติกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ร่วมงานบุญ งานประเพณี งานศิลปวัฒนธรรม ทำกิจกรรมทางศาสนา ฯลฯ ทั้งที่การชักชวนเด็กไปร่วมกิจกรรมข้างต้น จะช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมโดยเฉพาะความสามารถในการวางตนที่เหมาะสมของเด็กได้เป็นอย่างดี

 

          5.เด็กขาดการช่วยเหลือชี้แนะจากพ่อแม่ ให้สร้างทักษะในการจัดการกับอารมณ์เพศได้อย่างสร้างสรรค์แทนการมีเพศสัมพันธ์ ได้แก่ การทำกิจกรรมที่ต้องออกกำลังกายและกระตุ้นให้สมองหลั่งสารความสุข เช่น การเต้นแอโรบิก การท่องเที่ยวปีนเขา เดินป่า ดูนก เล่นกีฬาสนุก ฯลฯ ทั้งที่กิจกรรมข้างต้นทำให้เด็กสามารถออกกำลังกายอย่างมีความสุข ช่วยเผาผลาญฮอร์โมนความเครียดทั้งหลายรวมทั้งอารมณ์เพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

          6.เด็กวัยรุ่นมักใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่เฉยๆ การคิดถึงแรงดึงดูดทางเพศต่อเพศตรงข้ามของตนเอง คิดเกี่ยวกับเพศตรงข้าม ดูโทรทัศน์เล่นเกม เข้า Internet ฯลฯ จึงมีผลทำให้เกิดความเครียดซึ่งจะกระตุ้นฮอร์โมนเพศและอารมณ์เพศตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชี้แนะให้เด็กแก้ปัญหาความต้องการทางเพศด้วยการสำเร็จความใคร่ตนเอง จะยิ่งมีผลกระตุ้นให้เด็กต้องการมีเพศสัมพันธ์จริงๆ กับเพศตรงข้ามมากยิ่งขึ้น เพราะการสำเร็จความใคร่ตนเอง ไม่ได้ทำให้เด็กสามารถออกกำลังกายอย่างมีความสุข จึงไม่อาจช่วยเผาผลาญฮอร์โมนความเครียดหรือลดอารมณ์เพศ ทั้งนี้เมื่อเกิดอารมณ์เพศ ร่างกายจะหลั่งสารความเครียดต่างๆ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ ให้มีพลังความแข็งแรงสำหรับการร่วมเพศ กล้ามเนื้อจะเขม็งเกลียว เกิดความตึงเครียด ทั้งด้านร่างกายจิตใจ หัวใจเต้นเร็วและหายใจสั้นกระชั้น การร่วมเพศจริงๆ จะมีการออกกำลังกายเผาผลาญฮอร์โมน ความเครียดและสมองหลั่งสารความสุขเมื่อสำเร็จความใคร่ แต่การสำเร็จความใคร่ตนเองไม่มีกระบวนการดังกล่าว

   ดังนั้น การพัฒนาเด็กในด้านเพศจึงควรเน้นไปที่การดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ การที่พ่อแม่ให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยทางเพศ การปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับการเริ่มทำงานของฮอร์โมนเพศ เข้าใจเรื่องอารมณ์เพศ ปัจจัยใดบ้างที่สามารถกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศ การพัฒนาเด็กให้สามารถวางตัวให้สอดคล้องเหมาะสมและมีปฏิสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับเพศตรงข้าม ด้วยการพาเด็กไปเข้าสังคมต่างๆ รวมถึงการพัฒนาเด็กให้มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศ ด้วยการให้เด็ก ได้ทำกิจกรรมพัฒนาตนที่ต้องออกกำลังกายและกระตุ้นให้สมองหลั่งสารความสุข

 

          การพัฒนาเด็กดังกล่าวข้างต้นนั้น มีความคุ้มค่าอย่างมาก ทั้งในแง่ต้นทุนที่ใช้นั้นไม่มาก อีกทั้งยังทำให้เด็กมีความสุข ครอบครัวมีความสุข เด็กมีพฤติกรรมดีทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องเพศ

 

 กล่าวโดยสรุปแล้ว การสอนเด็กเรื่องเพศ ควรจะต้องประกอบด้วย

 

          1.เริ่มที่การรู้จักดูแลร่างกายจิตใจตนเองเกี่ยวกับ อนามัย เจริญพันธุ์ โดยทำให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับตนเองโดยเฉพาะเรื่องเพศ

 

          2.สร้างเงื่อนไขไม่ให้เด็กวัยรุ่นหมกมุ่นกับตนเอง การรู้จักและเท่าทันอารมณ์เพศปัจจัยที่สามารถกระตุ้นอารมณ์เพศ การรู้จักหลีกเลี่ยงจากปัจจัย หรือสถานการณ์ที่สามารถกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศ

 

          3.ถ่ายทอดทักษะทางสังคม โดยเฉพาะรู้จักในการวางตนกับเพศตรงข้าม

 

          4.ทักษะในการทำกิจกรรมทดแทนการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสำเร็จความใคร่ หรือการมี Safe sex ดังที่มีการรณรงค์อย่างกว้างขวางทางสังคม

 

          นอกจากนั้น การกระตุ้นส่งเสริมให้เด็กประสบความสำเร็จทางการศึกษา โดยเน้นไปที่พัฒนาการด้านการรู้จักคิดของเด็กหรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Cognitive Development จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองให้แก่เด็ก เด็กจะมีสมาธิกับการพัฒนาตนเองแทนการหมกมุ่นในเรื่องเพศ รวมทั้งทำให้เด็กรู้ใคร่ครวญไตร่ตรองชั่งผลดีผลเสียก่อน จะตัดสินใจทำอะไรรู้จักตั้งข้อสังเกตคิดวิเคราะห์หาข้อสรุปด้วยตนเอง รู้จักการวางแผนในการดำเนินชีวิตของตน ทำให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพไม่มีปัญหาเรื่องเพศ







บทความนี้มาจาก กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
http://building.hcu.ac.th

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://building.hcu.ac.th/modules.php?name=News&file=article&sid=20